สำนักงานทนายความ

ปัญหาสำคัญในชีวิต T T

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

cute

ปัญหาสำคัญในชีวิต T T
« เมื่อ: มิถุนายน 21, 2012, 08:10:48 PM »
เป็นปัญหาที่ยังไม่มีการแจ้งความ เป็นเรื่องการลักทรัพย์ค่ะ
ดิฉันตกอยู่ในฐานะจำเลยหรือผู้ต้องสงสัย มีผู้เสียหาย และมีพยาน

จากเรื่องมีอยู่ว่าดิฉันเป็นนักศึกษาอาศัยในหอพักเป็นเวลาหนึ่งปีและเพิ่งย้ายห้อง
(เมื่อก่อนอยู่ห้อง219 ย้ายมาชั้น4ห้อง413 )
ห้อง413 รูมเมทเป็นรุ่นน้องปี1(นส.ก)ที่กำลังจะย้ายเข้ามา
เหตุที่ทำให้ดิฉันตกเป็นผู้ต้องสงสัยคือ
คืนวันที่12 มิ.ย เพื่อนอีกคนที่อยู่ห้อง321(นส.ข) กลับมาจากต่างจังหวัดและชวนไปนอนด้วย ดิฉันตอบตกลงและ(นส.ข)ได้บอกว่าเพื่อนร่วมห้องเก่าห้อง219ได้กลับมาจากตจว.เช่นกัน
เวลาประมาณ ตี1เศษๆ ดิฉันก็จะลงไปนอนที่ห้อง(นส.ข)ชั้น3ที่นัดไว้ แต่แวะมาหาเพื่อนห้อง219 ที่เคยเป็นห้องเก่าดิฉัน ดิฉันเข้าไปเพื่อนในห้อง219แล้วก็ออกมา
>>ในตอนออกมาเห็นห้องตรงข้าม(ห้องผู้เสียหาย) มันผิดปกติ คือ มีกุญแจตู้ของทางหอพักที่มีกันทุกห้องตกอยู่ใต้ประตู จึงหยิบแล้วเคาะประตู เรียก ไม่มีการเปิดไฟ แต่ได้ ยินเสียงที่ระเบียง จึงบิดลูกบิดดูและประตูไม่ได้ล็อคไว้

*((มีความคิดที่จะ เป็นโจรเพราะไม่นานเงินที่ห้องก้อเกิดมีการขโมยเช่นกันแต่เป้นแค่เหรียญร้อย กว่าๆ))
มันเป็นการกระทำที่ผิด *ขอยอมรับ


>>จึงเปิดประตูแล้วก้าวเท้าทั้งสองเข้าไปเพียงหนึ่งก้าวเป็นเวลา ประมาณ5วินาทีเพราะแค่เปิดไปมองที่ห้องน้ำระเบียง จากนั้นก็ออกมา
>>ในตอนนั้นมี รุ่นพี่คนหนึ่งเดินมาซึ่งรู้จักกับทางเจ้าของห้องนั้น เช่นกันจึงถามและเราได้คุยกันไม่กี่ประโยค ดิฉันถามเขาไปว่าเราควรทำไงดี เขากำลังคุยโทรศัพท์จับใจความประมาณว่าให้ตั้งไว้ที่เดิม
ดิฉันจึงปิดประตูกลับแต่ไม่ได้ล็อคและวางกุญแจไว้บนหน้าต่าง
จากนั้น 3 นาทีต่อมา เกิดไฟดับกระทันหัน(ไฟตก)เป็นเวลาพอดีกับที่เราได้อยู่ที่ห้อง321แล้ว และได้เล่าเรื่องเจอกุญแจที่ผ่านมาให้ นส.ข ฟังด้วย

>>จนรุ่งเช้าดิฉันเดินไปดูห้องผู้เสียหายเพื่อจะแจ้งเจ้าหน้าที่หอพักทราบ ปรากฏว่ากุญแจที่ตั้งไว้หายและห้องล็อก จึงเล่าเหตุการณ์ทุกอย่างให้เจ้าหน้าที่ฟังจนจบ หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่จึงบอกว่าเขาเป็นคนเก็บและล็อกห้องเอง

>>ทุกอย่างผ่านไปจน นส.ก รูมเมท ย้ายเข้ามาพัก กับดิฉันในเช้าวันที่16* (คืนวันที่15ดิฉันนอนที่ห้องนส.ข เช่นเดิม) เช้าวันนั้นเตียงและของใช้ของดิฉันถูกเก็บเข้าที่เรียบร้อยโดย นส.ก ที่เข้ามาในตอนเช้าเป็นคนจัดการ จากนั้นคืนวัน ที่ 16-17 ที่ นส.ก อยู่ในห้อง ดิฉันก็ลงไปนอนกับ นส.ข ที่ห้อง321 เป็นปกติ
*แต่เมื่อคืนวันที่ 16 ดิฉันลืมกุญแจห้องของตัวเองไว้ในห้อง413(ห้องของตัวเองที่ ยังมี นส.ก อยู่)
เวลาเช้าวันที่17 ซึ่ง นส.ก ไม่อยู่ในห้องเพราะเคาะเรียกแล้ว ดิฉันไม่มีกุญแจที่จะเข้าห้องจึงลงไปขอยืมกุญแจสำรองจากเจ้าหน้าที่แต่ไม่มีใครอยู่ ดิฉันจึงอยู่ในห้องของ นส.ข ทั้งวัน
เวลาเย็น ได้เจอเจ้าหน้าที่จึงแจ้งขอกุญแจสำรอง แต่เจ้าหน้าที่บอกว่า นส.ก กำลังจะกลับเข้าห้องแล้ว ดิฉันจึงไป นั่งรอหน้าห้องดิฉันเพื่อใช้กุญแจที่มีอยู่กับนส.กเปิดประตู


ก่อนเข้าห้อง นส.ก ถามถึงเรื่องกุญแจที่ลืมไว้และบอกได้ใจความว่า "เราลืมกุญแจ เขาได้เก็บวางให้บนคอมพิวเตอร์" ดิฉันและนส.ก เข้าห้องพร้อมกันและได้หยิบกุญแจจากโต๊ะคอมขึ้นมาให้ได้เห็นพร้อมกันว่ามันยังอยู่

*เป็นเหตุการณ์ที่แสดงให้เห็นว่ากุญแจดิฉันลืมไว้ในห้องและรุ่นน้อง เป็นคนเก็บไว้จริง ดิฉันเอากระเป๋าเงินในลิ้นชักและรื้อหาธนบัตรร้อยบาทหนึ่งใบที่อยู่นอกกระเป๋า นส.ก จึงถามถึงว่าอะไรหาย แต่ ดิฉันตอบว่าของเล็กน้อยๆ ไม่มีเจตนาจะโกหก ถ้าดิฉันบอกเงินหายมันจะทำให้เขาลำบากใจเพราะเขาเป็นคนอยู่ในห้องเรา แล้วดิฉันก็ออกจากห้องไป
คืนวันนั้นเมื่อถึงหอพักดิฉันก็กลับเข้าห้องของ นส.ข และได้นอนในห้องนั้นจนเช้า
 *เช้าวันที่18 ดิฉันต้องขึ้นห้องตัวเอง เพื่อเอาชุดนศ.มาเปลี่ยนไปเรียน หน้าห้อง413มีป้ายแปะข้อความได้ใจความว่า "ไอขี้ขโมย มาขโมยตังคนอืนไปหมดเลย"
ดิฉันจึงเข้าไปสอบถามเรื่องราวเงินหายจากนส.ก ที่หลับ แต่ไม่ได้ใจความมากเพราะเขายังไม่ตื่น

*เย็นวันที่18 ดิฉันเรียนเสร็จกลับขึ้นห้องตัวเอง และพบว่า นส.ก ได้ย้ายของไปอยู่กับเพื่อนแล้ว จากการสอบถามเจ้าหน้าที่ และทางเจ้าหน้าที่ได้คุยกับดิฉันว่า เรื่องห้องที่ดิฉันเคยเปิดประตูเข้า ไป มันเกิดของหาย ดิฉันไม่กล้าปฎิเสธเพราะเราเข้าไปจริงและเขายังไม่ว่าเราผิด มีการสอบสวนว่า เห็นดิฉันออกจากห้องนั้น และไม่รู้ว่า ก่อนที่จะมีคนเห็นหรือหลังจากนั้นดิฉันทำอะไรหรือเปล่า พยานที่เห็นเหตุการณ์สงสัยและคอยมองดิฉันจนกระทั่งไฟเกิดดับ เขาเลยกลับห้องไป
แต่ดิฉันได้แย้งไว้แล้วว่าก่อนหลังที่เห็นดิฉันทำอะไรอยู่
***ก่อนจะเห็นดิฉันอยู่ในห้อง219 ห้องตรงข้าม
***หลังจากที่เห็นดิฉันเพียงไม่กี่นาทีเทียบช่วงเวลาที่ไฟดับดิฉันก็ได้อยู่ที่ห้อง321แล้ว

ประเด็นสำคัญมีอยู่ว่า เจ้าหน้าที่ ได้สอบปากคำ นส.ก
ในตอนเช้าที่ผ่านมาและได้รับคำยืนยันว่าเห็นกระเป๋าใบสีแดงอยู่ในลิ้นชักเรา ซึ่งได้บอกสีและวาดลักษณะได้ถูกต้อง แต่ในเช้าวันนั้นเจ้าหน้าที่และนส.ก ได้เปิดค้นดูและบอกว่ามันหายไปแล้ว
        ดิฉันจึงคิดทบทวนหากระเป๋าของตัวเองและพยายามอธิบายให้ฟังว่าดิฉันไม่มีกระเป๋าสีแดง ในขณะคุยกัน นส.ก เข้ามาในห้องเจ้าหน้าที่ และได้ยืนยันเช่นเดิม ดิฉันจึงขอให้ นส.ก วาดรูปกระเป๋าอีกครั้ง ภาพที่ออกมาอธิบายได้ว่ามันเป็นกระเป๋าทรงมนซิบด้านบน ดิฉันบอกทุก คนว่ามีกระเป๋ารุปแบบนี้และได้ไปหยิบมาเทียบดู ลักษณะคล้ายคลึงกันกับภาพวาด แต่นส.ก กล่าวว่าตนนั้นวาดผิดและหยิบรูปที่วาดให้ผู้เสียหายดูในตอนเช้าขึ้นมา
*รุปทั้งสองนั้น แตกต่างกัน และเป็นรูปที่ไม่มีลายละเอียดเป็นรูปทรงออกกลมๆมนๆเป็นซิบ สีแดง
 *นส.ก บอกว่าเห็นในวันแรกที่เข้ามาแล้วจัดของเห็นลิ้นชักแย้มอยู่เลยเห็น (ซึ่งคือวันที่16)
*และ นส.กได้พูดถึงเงินของตนที่หายไปในวันที่ 17 ดิฉันคิดว่าคงคิดว่าดิฉันเป็นคนขโมยไปจึงเล่าให้ฟังว่าวันนั้นดิฉันไม่ได้เข้าห้องเพราะกุญแจ มันอยู่ในห้องโดยที่นส.กเป็นคนหยิบมาวางไว้ให้และในขณะที่เข้า ไปในห้องก็ได้เห็นกุญแจพร้อมกัน
*** ความจริงนี้มันชัดเจนว่า ดิฉันไม่สามารถเป็นคนขโมยเงินของ นส.ก

ด้วยเหตุการณ์ที่ดิฉันเคยเปิดประตูเข้าไปบวกกับ นส.กสามารถบอกหลักฐานได้ตรงตามที่ผู้เสียหายบอก ดิฉันจึงขอให้ทุกคนขึ้นไปบนห้องเพื่อค้นหาเบาะแสหลักฐานแต่พวกเขาบอกว่าวันนี้ไปดูแต่ไม่พบแล้ว
แต่ดิฉันได้เถียงเรื่องกระเป๋าอย่างชัดเจนเพราะรู้ว่ามันไม่มี จึงขอว่าจะขึ้นห้องหากระเป๋าที่มีลักษณะแบบนั้นมาให้ นส.ก ชี้เป็นหลักฐานว่าเป็นใบไหน ซึ่งมีรุ่นพี่สองคน(หนึ่งใน นั้นคือพยานที่เห็นเหตุการณ์ที่ดิฉันเข้าห้องของผู้เสียหาย) ดิฉันอธิบายพร้อมทั้งรื้อของทุกอย่างออกมาต่อหน้ารุ่นพี่ทั้งสองกระเป๋าทุกใบทุกตู้ ไม่นาน นส.ข ได้ทราบเรื่องจึงขึ้นมาในห้องดิฉัน ตอนนั้นเราอยู่ กันทั้งหมด4คน คือดิฉัน นส.ข รุ่นพี่ที่เห็นเหตุการณ์ และรุ่นพี่อีกคน

เราตัดสินใจว่า ให้ นส.ก มาดูกระเป๋า เพราะไม่มีกระเป๋าใบไหนมีสีแดงเลย เมื่อ นส.ก มาที่ห้อง413 ได้สอบถามโดยใช้อารมณ์เกิดขึ้นจากดิฉันเอง แต่ในตอนนั้นเขาก็ได้ตอบ โดยบางคำตอบก็ตอบไม่ตรงกับที่บอกกับเจ้าหน้าที่
**เคยบอกว่าเคยเห็น หนเดียวแค่ลิ้นชักมันแง้มไว้ แต่นส.ก พูดว่าเห็น สองครั้งในวันเดียว
**ยอมรับว่า ได้เปิดลิ้นชักของดิฉัน ไม่ใช่ลิ้นชักดิฉันแง้มไว้
โดยมีรุ่นพี่ทั้งสอง และ นส.ข เป็นพยานได้ยินในสิ่งที่พูดแต่ก็มี ปากเสียงกันจนต้องเลิกคุยกันแยกกันกลับห้องไป
ไม่กี่นาทีดิฉันเดินผ่านและหยุดฟังหน้าห้องของ นส.ก ที่กำลังพูดถึงดิฉัน จน นส.ก ออกมาเปิดประตูและดิฉันได้ขอเข้าไปคุยในห้องเพื่อพูดจากันด้วยดี ในห้องนั้นมีดิฉัน นส.กและเพื่อนของนส.ก
*ก่อนอื่นดิฉันได้กล่าวขอโทษที่ใช้อารมณ์รุนแรงและพูดจาไม่ดีเรียบร้อยและคุยกันโดยด้วยดีและได้จับประเด็นสำคัญมาว่า


**ในตอนเช้าของวันที่18 เจ้าหน้าที่และผู้เสียหายมาสอบถามโดยมีคำถามประมาณว่า เคยเห็น กระเป๋าสีแดงๆบ้างไหม
นส.ก เล่าว่าตอนนั้นเพิ่งตืนสลึมสลือเลยบอกว่าเห็นแต่ไม่ใช่สีแดงเป็นสีเลือดหมูแต่พอจะหยิบก็ไม่เห็นแล้วโดยที่ยังไม่รู้ว่าเป็นเรื่องการขโมย
*แต่ในช่วงเย็นที่คุยกับเจ้าหน้าที่ ดิฉัน และผู้เสียหาย นส.ก ยืนยันชัดเจนว่าเห็นกระเป๋าสีแดง

ดิฉันพยายามหาหลักฐานว่าดิฉันไม่ใช่คนเอาไปเพราะมีผู้เสียหายอีกประมาณห้ารายได้เข้ามาแจ้งของหายเช่นกันในเวลาไล่เลี่ยกัน


# ประเด็น 1 คือถ้าดิฉันเป็นขโมยที่ขโมยของในหอแล้วเงินที่หายไปของรุ่นน้องเป็นใครที่เอาไปเพราะไม่ใช่ดิฉัน

# ประเด็นที่ 2 ในวันที่ดิฉันเข้าห้องผู้เสียหายคือวันที่12 แต่ในวันที่11 มีเงินในบัญชีที่ผู้ปกครองโอนมาให้เป็นเงิน8000บาท ไม่ติดตรงกับ เสาร์อาทิตย์ที่จะถอนเงินหรือเอาออกมาใช้ไม่ได้ และ ดิฉันมีเงินทุนการศึกษาสองหมืนบาทที่เพิ่งเบิกได้และเก็บสะสมฝากไว้ที่ แฟนเป็นเงิน19000 บาทเพราะดิฉันเคยบอกกับหลายๆคนว่าจะเก็บตังเพื่อไปทำศัลยกรรม

# ประเด็นที่ 3 ถ้าดิฉันเป็นโจรจริงๆคงไม่โทรหาตำรวจในท้องที่เพื่อสอบถามและบอกให้ทางเจ้าหน้าที่แจ้งมาตรวจสอบ

# ประเด็นที่ 4 ถ้าดิฉันหยิบกระเป๋าไป แล้วขโมยจะเก็บกระเป๋าที่เป็นหลักฐาน ไว้ถึง 4วันทำไม (12 เข้าห้องผู้เสียหาย ? 16 นส.ก เห็นกระเป๋า) เพราะตามปกติต้องรีบเอาไปทิ้งหรือทำลายอะไรก็ตาม

# ประเด็นที่ 5 ถ้าดิฉันเป็นโจรจริงๆดิฉันมีโอกาสขโมยสูงมากเพราะเหตุการณ์ในหอเช่นห้องที่ประตูเสียเปิดเองดิฉันก็เคยทำเช่นเดียวกับลักษณะของห้องผู้เสียหายคือเข้าไปมองดูเพียงแค่ก้าวตรงประตูแล้วก้อปิดในทุกๆครั้งที่เห็น และจะมีห้องที่ลืมเสียบกุญแจไว้ ดิฉันก็เคาะเรียกเจ้าของห้องมาเอากุญแจ(เหตุการณ์นี้ เกิดในวันที่18ก่อนเกิดเรื่องราว และในตอนเช้าของวันที่19ก็เจอเช่นนี้) ถ้าดิฉันเป็นโจร คงหยิบกุญแจออกแล้วขโมยเรียบร้อย

# ประเด็นที่6 ในห้องผู้เสียหายดิฉันได้สอบถามมาว่ามีของมีค่าอะไรอีกบ้าง มี กล้อง และโน๊ตบุ๊ค ซึ่งการที่จะขโมยน่าจะขโมยของในสิ่งที่เห็นก่อนแต่กลับไป เอากระเป๋าใบเล็กๆโดยที่จะรุ้ได้อย่างไรว่ามีสร้อยทองอยู่ข้างในและไม่รู้ว่ากระเป๋าใบนั้นเก็บอยู่ไว้ที่ใด

แต่คือยังปักใจเชื่อว่า นส.ก ได้บอกลักษณะถูกโดยที่ยัง ไม่ได้บอกอะไร *แต่ทางเจ้าหน้าที่คงลืมไปว่าประโยคคำถามที่ถาม นส.ก ครั้ง แรกได้ระบุสีไว้แล้วว่าเป็นสีแดงและอีกอย่างภาพวาดลักษณะกระเป๋าก็ไม่ชัดเจน ไม่มีลายละเอียด แต่ตอนนี้คือไม่มีใครแจ้งความ ตัวดิฉันเอง อายุ18 รอที่จะ ให้เรื่องกระจ่างพิสูจน์ความจริงว่าดิฉันบริสุทธิ์แล้วจะแจ้งหมิ่นประมาทกับ นส.ก คนที่เป็นพยานได้หรือไม่ มีอะไรที่สามารถนำมาเปนหลักฐานให้ดิฉันได้บ้างค่ะ





ขอบคุณนะค่ะสำหรับคำแนะนำเรื่องราวมันยาวมาก ขอบคุณที่อ่านและตอบปัญหาของดิฉันนะค่ะ

ananploy

Re: ปัญหาสำคัญในชีวิต T T
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: มิถุนายน 23, 2012, 05:04:10 PM »
ยาวมาก อ่านแล้วแอบบ งงนิด ๆ

Preecha Yokthongwattana

  • ติดต่อ ทนายปรีชา 081-988-1845
  • ****
  • 428
  • 22
    • ดูรายละเอียด
Re: ปัญหาสำคัญในชีวิต T T
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: กรกฎาคม 04, 2012, 01:13:39 PM »
ข้อเท็จจริงยาวมากครับ แต่ประเด็นทางกฎหมายมีเพียงว่า "คุณเป็นผู้กระทำความผิดหรือไม่" ซึ่งต้องว่ากันไปตามพยานหลักฐานที่พิสูจน์ได้ครับ เมื่อยังไม่มีการแจ้งความเอาผิด ก็ไม่น่าจะต้องกังวลอะไรครับ

ส่วนเรื่องการดำเนินคดีข้อหาหมิ่นประมาท เราต้องมีพยาน คือ บุคคลที่สาม เพื่อยืนยันข้อความที่เป็นการหมิ่นประมาท และพิสูจน์ข้อความนั้นด้วยว่าเป็นข้อความที่มีลักษณะทำให้เราเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือเกลียดชัง ซึ่งตรงนี้ในข้อเท็จจริงที่ให้มายังไม่แน่ชัดครับ ว่ามีการพูดว่าอย่างไร ให้ระวังเรื่องการพูดโดยสำคัญผิดไป อันจะเป็นข้อแก้ตัวของอีกฝ่ายนะครับ
รับอบรม กฎหมาย
รับรองลายมือชื่อ ทนาย

ร่าง/แปล สัญญา ไทย-อังกฤษ
รับปรึกษาคดีความ
ติดต่อ ทนายปรีชา 081-988-1845
ขอบคุณ สำนักงานทนายความ.com ที่ให้ใช้พื้นที่ ;D

 

ด้วยฟังค์ชั่น ตอบด่วน คุณสามารถใช้โค๊ดและ เครื่องหมายแสดงอารมณ์ได้ เหมือนการตั้งกระทู้ธรรมดา แต่สามารถทำได้สะดวกกว่า

ชื่อ: อีเมล์:
Verification:
พิมพ์ชื่อประเทศของเราลงไป ::