สำนักงานทนายความ

ขอคำปรึกษาเรื่องสรรพากรและบัญชีที่ถูกปลอมรายเซ็นต์ค่ะ

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

จิ๊บ

สวัสดีค่ะ
ดิฉันชื่อจิ๊บ เป็นกรรมการของ ห้างหุ้นส่วนเล็กๆ แห่งหนึ่ง ซึ่งทำธุรกิจให้บริการรับจ้างทำแม่พิมพ์ส่งโรงพิมพ์

อยากจะขอคำปรึกษาเรื่องสรรพากรและบัญชีที่ถูกปลอมรายเซ็นต์ค่ะ

เรื่องคือ เมื่อช่วงเดือนพค. ที่ผ่านมาทางเราได้รับจดหมายจากสรรพกรเรื่องนัดพบตรวจคืนภาษีปี 2557 โดยจดหมายนัดได้มาคู่พร้อมกันกับใบจดทะเบียนเดี่ยว ซึ่งในตอนนั้นเราก็งงว่ามาได้อย่างไร แต่พอสอบถามกับบัญชีที่เคยทำ (เพิ่งยกเลิกกับเขาเมื่อต้นปี แต่ยังมีติดต่ออยู่ด้วยเรื่องงบปี 58) ทางบัญชีแจ้งว่า เป็นการตรวจตามระเบียบคู่กับบัญชีตัวเดียวไม่มีอะไร แต่ให้เลื่อนนัดไปก่อนเพราะยังให้เอกสารกับเราไม่ครบ เดี๋ยวจะเอามาให้เพิ่มเติมพร้อมอธิบายและแนะนำ เราก็เชื่อด้วยทำการค้ากันมานานตั้งแต่รุ่นบิดา บวกกับความไม่ค่อยรู้

ในจดหมายนัดครั้งแรกคือวันที่ 17 พค. 2559
แต่โทรไปขอเลื่อนเป็นวันที่ 10 มิย. 2559
ทางบัญชีเอาเอกสารมาคืน 8 มิย. 2559
แต่มิได้กระทำการใดๆ อย่างที่บอกเราไว้ตอนแรก ให้เรามาจัดเรียงเอง
ซึ่งเราก็พยายามและทำความเข้าใจในเอกสารที่ต้องส่งตามลิชของสรรพากร

วันแรกที่นัดพบ เจ้าหน้าที่ได้สอบถามถึงการประกอบการ ว่าเราทำอะไร มีลูกค้าหลักกี่เจ้า รับจ่ายอย่างไร ซึ่งก็เราก็ให้การไปตามจริง โดยไม่ได้คิดอะไร พร้อมส่งเอกสารตามรายการ ทางเจ้าหน้าที่ก็แจ้งว่า เดี๋ยวจะต้องมีการเข้าตรวจสถานประกอบการ์ณเพื่อให้คำแนะนำ ให้เราส่งแผนที่ให้ และถามเราถึงต้นทุนสินค้า และราคาขายเราคร่าวๆ
เราก็ส่ง

และวันที่ 21 มิย. 2559 เจ้าหน้าที่ก็มาตรวจและให้คำแนะนำโดยสังเขป
เซ็นต์เอกสารตรวจ ตามปกติ แล้วเจ้าหน้าที่ก็เงียบไปเลย
จนวันที่ 1 สค.2559เจ้าหน้าที่ส่งเมล์มาว่า
อ้างถึง
รบกวนช่วยเช็คยอดภาษีถูกหัก ณ ที่จ่าย ตามรายละเอียดในตาราง Excel ให้หน่อยค่ะ
ว่าห้างฯ ออกใบกำกับภาษีเลขที่อะไร ลงวันที่เท่าไหร่
และโทรมาแจ้งว่ามันไม่ตรง เราก็เช็คให้และส่งกลับไป

วันที่ 2 สค. เจ้าหน้าที่ก็เมล์มาอีกว่า

อ้างถึง
ขอเอกสารเพิ่มเติม พร้อมเอกสารแนบ ดังนี้ค่ะ
1. รบกวนช่วยกระทบยอดรายได้ ระหว่าง ภ.พ.30 กับ ภ.ง.ด.50 สำหรับปี 2557
2. ขอสำเนาใบกำกับภาษีที่ออกในปี 2556 แต่รับชำระเงินในปี 2557(พร้อมรายงานภาษีขาย)
  และสำเนาใบกำกับภาษีที่ออกในปี 2557 แต่ยังไม่ได้รับชำระเงิน (พร้อมรายงานภาษีขาย)

และวันที่ 3 สค. เจ้าหน้าที่ก็เมล์มาอีก
อ้างถึง
ขอรายละเอียดของ งานระหว่างทำต้นงวด จำนวน 667,085.71 บาท
 และงานระหว่างทำปลายงวด จำนวน 785,041.00 บาท ว่าเป็นของงานไหนบ้าง
พร้อมเอกสารแนบด้วยค่ะ

เราจึงทั้งส่งเมล์และโทรไปคุย ชี้แจงว่า
ไฟล์ที่แนบ คือ ใบเทียบ ภ.พ.30 กับ ภ.ง.ด.50 สำหรับปี 2556 และ 2558 (ที่เป็นใบกำกับภาษีของ 57 ค่ะ)
ส่วน ที่ให้เช็คงานอัดเพิ่มของปี 57 อันนี้ บิลเอกสารไม่อยู่แล้วค่ะ เนื่องจาก ช่วงเมษาที่ผ่านมา น้ำท้วมชั้นใต้ดินที่เก็บเอกสารส่วนนี้ไว้ค่ะ ส่วนของปี 56 ก็โดนปลวกแทะไป แต่เดียวจะเช็คของปี 59 และประมาณการไปให้แทนได้ไหมค่ะ
สำหรับเอกสารเพิ่มเติม วันจันทร์ช่วงบ่ายจะเอาเข้าไปให้ค่ะ (ไม่ทราบว่าสะดวกไหมค่ะ)
ถ้าต้องการอะไรเพิ่มเติมแจ้งได้ค่ะ จะได้เตรียมไปให้
 
และมีการคุยกับบัญชีที่ใหม่ว่าเอกสารปลายงวดที่เราไม่มีอ้างอิงต้องแจ้งสรรพกรอย่างไร รวมถึงถามเรื่องจดทะเบียนตัวเดียวว่ามันเกี่ยวกันหรือไม่
จึงได้รู้ว่าเราเข้าใจผิดมันไม่ได้เกี่ยวกันเลย บัญชีก็ให้คำแนะนำและโทรไปสอบถามสรรพากรว่า เราไม่ต้องการขอคืนและไม่เคยเซ็นต์ขอคืน ทำไมถึงมีการตรวจสอบและเราสามารถยกเลิกได้ไหม ตรงนี้เจ้าหน้าที่แจ้งว่าเราเซ็นต์ขอคืนเองจึงเรียกตรวจสอบ และอยู่ในระหว่างดำเนินการยกเลิกไม่ได้ เราก็โอเคไม่เป็นไรตรงไป เพราะเอกสารเราส่งครบหมดแล้ว ไม่น่าจะมีปัญหา

และทำการนัดครั้งที่ 3 ในวันที่ 8 สค.
ซึ่งพอเราเข้าไป ก็ขอดูเอกสารและพบว่าเราถูกปลอมลายเซ็นต์ ซึ่งเมื่อถามเจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้ให้คำแนะนำใด แต่กลับแจ้งว่าเรามีบิลปลอม 3 ใบ โดยเจ้าหน้าที่บอกว่าเห็นปกติเราซื้อเพลทอยู่ 3 เจ้า แต่มีเดือนนี้ มีเจ้าใหม่โพล่มา 3 ใบ ซึ่งเป็นจำนวนที่สูง จึงทำการตรวจสอบการจดทะเบียนของบริษัทนี้กับกระทรวจพาณิชย์ และพบว่าประเภทธุรกิจที่จดไม่เกี่ยวเนื่องกัน จึงถือเป็นบิลปลอม เราก็ชี้แจงไปว่าบริษัทนี้เราซื้อสินค้าเขาผ่านอีกบริษัทหนึ่ง ที่ขายให้เราตามปกติ คือเขาเสนอให้ลองใช้เพราะสินค้าถูกกว่าเจ้าอื่นๆ เราจึงนำมาลอง แต่ใช้แล้วคุณภาพไม่เป็นที่ยอมรับแก่ลูกค้าเรา จึงไม่ได้สั่งอีก สั่งแค่เดือนนั้น ไม่ได้มีส่วนรู้เห็นหรือเจตนาใช้เอกสารที่ผิด เขาให้อะไรมาเราก็ส่งภาษีตามนั้น เราจะรู้ได้อย่างไรว่าบริษัทเขาจดอะไรไว้ เจ้าหน้าที่ก็ให้เซ็นต์รับในตรงนั้นว่าเราไม่มีเจตนา ยินดีให้ความร่วมมือสรรพากรตรวจสอบ แต่ทั้งนี้เจ้าหน้าที่แจ้งว่า เมื่อเป็นบิลที่ใช้ไม่ได้ ก็ต้องปรับภาษี 2 เท่า รวมจ่ายประมาณ 24,204 บาท โดยให้ชำระก่อนวันที่ 15 สค.
ซึ่งเราแจ้งว่าไม่มี ขอกลับไปเช็คดูก่อน ซึ่งเมื่อปรึกษากับบัญชีแล้วพบว่าข้อนี้ไม่ถูกต้อง ซึ่งเรากำลังพยายามขอเอกสารจากทางนั้นเพื่อใช้ยืนยัน วันนั้นเจ้าหน้าที่เอาเอกสารปี 58 เราไปด้วยแต่ไม่มีใบเซ็นต์รับมาให้ ซึ่งเราก็พึ่งทราบภายหลังว่าต้องมีใบแจ้งว่ารับเอกสารอะไรไปบ้างเหมือนครั้งแรก

และในวันที่ 10 สค. เจ้าหน้าที่ก็โทรมาให้เราไปพบอีกในวันที่ 15 แจ้งว่าให้เข้าไปคุยแต่ไม่ได้บอกว่าเรื่องอะไร พอไปวันที่ 15 สค. เจ้าหน้าที่ให้เข้าไปคุยในห้องกับ อีกคนที่กล่าวอ้างว่าเป็นหัวหน้า ในห้องมีเรา และเจ้าหน้าที่หัวหน้า กับคนที่ทำเรื่องเราอีก 1 คน โดยได้นำกระดาษขึ้นมา 2 ใบ ตามที่แนบ
ซึ่งอ้างว่าคิดคำนวนจาก บิลภาษีซื้อที่เราส่งกับ ราคาขายที่เราขาย และบอกว่าเราต้องขายได้เท่านี้สิ แต่ภาษีที่ส่งมีแค่นี้ ต้องเสียค่าปรับเท่านี้ๆ เราก็ชี้แจงไปว่า เรามีต้นทุนที่เสียไปอยู่มากในเดือนนั้น ทั้งเหตุฝนตก ทำให้น้ำซึมเข้ามา น้ำท่วมห้องเก็บของ ทำให้ของเสียหาย รวมถึง ของที่ไม่ได้คุณภาพเสื่อมก่อนกำหนด และอีกหลายสาเหตุตามความจริง แต่เจ้าหน้าที่ก็เพิกเฉย บอกให้เราเอาเอกสารมาชี้แจงเปรียบเทียบ งานต่องานแล้วจะปรับลดให้ เราจึงถามไปว่า เอกสารที่มีเราก็ส่งคุณไปหมดแล้วๆ จะให้เราเอาที่ไหน ถ้าจะให้เช็คคุณก็คืนเอกสารเรามาสิ แต่เจ้าหน้าที่ก็ไม่ให้ และพูดเป็นทำนองว่าถ้าเราไม่มีเอกสารมาเพิ่มก็ให้เซ็นต์รับสภาพ และให้จ่ายค่าปรับก่อนวันที่ 19 กย. หากไม่จ่ายจะปรับมากกว่านี้ หรืออาจฟ้องเป็นอาญา เราก็ถามแล้วคุณจะให้เราทำยังไง เอกสารคุณก็ไม่คืนเรา จะให้เราเอาที่ไหนให้คุณ ทุกวันนี้เราทำงาน มีแต่หนี้สินจะเอาอะไรมาจ่าย เขาก็พยายามขู่ แต่เราไม่เซ็นต์ เจ้าหน้าที่ก็ต่อว่าเราว่าทำไมไม่พาบัญชีมาด้วยจะได้รู้เรื่อง เราเลยว่าก็คุณโทรนัดเราแต่ไม่บอกว่าอะไร เราก็คิดว่าไม่มีอะไร เรามาเองได้เราก็มา คนหัวหน้าก็หันไปว่าลูกน้องว่าคุณไม่ได้แจ้งหรอ และบอกให้เราพาบัญชีมาด้วย โดยนัดใหม่เป็นวันที่ 25 สค. พร้อมให้ 2 ใบนั้นกลับมาคิดว่าเราจะเอายังไง ซึ่งมันผิดวิสัยนะ ไหนก่อนหน้านี้เราเคยขอเอกสารเช่นคำให้การ หรืออื่นๆ เจ้าหน้าที่บอกให้กลับไม่ได้ แต่ทำไม่อันนี้ให้ได้

พอกลับมาคุยกับบัญชีหลายๆ เจ้าที่เราพอจะรู้จัก เขาก็บอกว่ามันผิดวิสัย ตั้งแต่จดหมายเรียกแล้ว
ให้โทรไปเลื่อนนัดก่อน แล้วจะช่วยดูเอกสารให้ ซึ่งก็พอได้คำแนะนำมาในเรื่องของสต็อกให้เช็คขึ้นมาและนำไปชี้แจง ซึ่งตรงนี้ก็จะลดไปได้ 3 แสน และเราก็ลองถามบัญชีที่เก่าเพราะสงสัยเรื่องลายเซ็นต์ปลอม

วันที่ 29 สค. บัญชีที่เก่ามา เขาก็บอกเขาไม่รู้ ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้เพราะเขาเป็นคนนำส่ง ถ้าไม่ใช่เขา สรรพกรเซ็นต์เองหรือไง
แต่เราก็ไม่ได้โวยวายอะไร แค่ถามเขาว่า เขาจะแก้ปัญหาให้เรายังไง ซึ่งเขอก็ออกตัวว่าจะเข้าไปคุยให้ๆ เราเซ็นต์มอบอำนาจมา ซึ่งเราไม่เซ็นต์ เราบอกจะไปด้วย เขาบอกถ้าเราไปสรรพกรจะไม่พูดกับเขานะ จะคุยแต่กับเรา และพูดวนไปมาสรุปคือกันไม่ให้เราไป และเปรยว่าถ้าต้องจ่ายใต้โต๊ะจะยอมจ่ายเท่าไหร่ แต่จ่ายแล้วก็ยังต้องเสียค่าปรับนะแต่จะลองคุยๆให้ก่อน

ซึ่งในที่นี้เราก็คิดไว้แต่แรกแล้วว่า เขามีส่วนเกี่ยวข้องกันใช่หรือไม่ แต่ก็ปล่อยให้เขาไปคุย ได้เรื่องยังไงให้โทรบอกเรา แต่เราไม่ให้ใบมอบอำนาจ
เขาก็ไปและโทรมาบอกหัวหน้าเจ้าหน้าที่ไม่อยู่เลยยังไม่ได้คุย แต่สอบถามมาเขาว่าเรามีบิลปลอม 3 ใบ ซึ่งเราก็ย้ำหลายครั้งแล้วว่ามันไม่ใช่ แล้วก็เงียบไป เพราะเขาบอกว่าคุยแล้วจะแจ้งเราเอง

แต่วันนี้ 1 กย. 59
มีจดหมายจากสรรพกร ลงวันที่ 30 สค. มาว่าเราไม่ไปตามนัดในวันที่ 25 สค. ซึ่งทำให้เราข้องใจว่าเราโทรไปเลื่อนนัดแล้วไม่ใช่หรือ ทำไม่จึงมีจดหมายมาเหมือนเป็นการบีบเรา ทั้งที่ก่อนนี้นัดไม่เคยมีจดหมายออกมาเลย มีแค่ครั้งแรกครั้งเดียว

จึงอยากขอคำปรึกษาว่า ดิฉันควรจะทำอย่างไรต่อไปในสถาณการณ์เช่นนี้ดีค่ะ
และสำหรับการปลอมรายเซ็นต์เราสามารถเอาผิดกับทางคนทำบัญชีได้หรือไม่

ข้อสังเกตุที่ผิดวิสัย
1. จดหมายเรียกสอบกับใบตอบรับจดทะเบียนเดียวมาด้วยกัน ซึ่งตามหลักแล้วไม่น่าจะเป็นเช่นนั้น
2. ตามที่คุยกับเจ้าหน้าที่แจ้งว่าเราส่งเอกสาร ภงด.50 เซ็นต์ขอคืนมาเมื่อปี 58 แต่ทำไมพึงมีจดหมายเรียกตรวจมา
3. เมื่อเทียบใบภงด. ที่สรรพากรมี กับที่เรามีพบว่าเอกสารไม่เหมือนกัน คือของสรรพกรมีลายเซ็นต์ถึง2ฝั่ง แต่ของเรามีฝั่งเดียว (ที่ไม่ได้ขอคืน)
4. ใบเสร็จที่แนบ ในปีอื่นๆ จะเป็น 0 และมีวงเล็บว่าไม่ขอคืน แต่ในปี 57 พิมพ์ 0 แต่วงเล็บว่า ขอคืนเป็นเงินสด (ส่วนนี้บัญชีอ้างว่าสรรพากรพิมพ์ผิด แล้วคือคุณไม่ตรวจสอบเลย เอกสารก็พึงเอามาให้เราตอนที่สรรพากรเรียก คือทวงหลายรอบแต่ไม่ยอมเอามาให้อ้างว่าไม่ว่าง)
5. เมื่อมาอ่านกฏหมายใหม่ ตามใบจดทะเบียนเดียวระบุว่า จะไม่มีการปรับหรือตรวจสอบเอาผิดใดๆ หลังการจดทะเบียนผ่านไม่ใช่หรือ แต่ทำไมจะปรับเรา
6. ตามที่เราลองเช็คเอกสารที่พอจะเช็คได้ พบว่าจำนวนเพลทที่เราซื้อไม่ได้มาก อย่างที่สรรพกรทำตารางมา โดยกล่าวอ้างว่าเช็คจากบิลซื้อของเรา



ขอบคุณค่ะ

 

ด้วยฟังค์ชั่น ตอบด่วน คุณสามารถใช้โค๊ดและ เครื่องหมายแสดงอารมณ์ได้ เหมือนการตั้งกระทู้ธรรมดา แต่สามารถทำได้สะดวกกว่า

ชื่อ: อีเมล์:
Verification:
พิมพ์ชื่อประเทศของเราลงไป ::